1,045 ผู้บริหารสำนัก-เขต-รร.ร่วมวงลาออก เผยรัฐขึ้นเงินเดือนข้าราชการจูงใจถอนตัว
ดร.ชิน ภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ประชุมผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้รับทราบความคืบหน้าการดำเนินมาตรการปรับปรุงอัตรากำลังของส่วนราชการ ในโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด หรือ เออร์ลี่รีไทร์ ประจำปีงบประมาณ 2554 โดย สพฐ.ได้รับอนุมัติโควตาผู้เข้าร่วมโครงการฯ จากคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) จำนวน 12,867 ราย ซึ่งเดิมมีผู้ยื่นความจำนง 13,025 ราย แต่ปรากฏว่า มีผู้ถอนเรื่องจำนวนหนึ่ง จึงเหลือผู้ประสงค์เข้าร่วมโครงการฯ ทั้งสิ้น 12,865 ราย ดังนั้น ทั้งหมดจะได้รับอนุมัติเข้าร่วมโครงการฯ อีกทั้ง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ก็มีงบฯ บุคลากรมาจ่ายเงินสิทธิประโยชน์ 8-15 เท่าของเงินเดือนเดือนสุดท้าย แก่ผู้เข้าร่วมโครงการฯ รวมถึงมีงบฯ เพียงพอสำหรับการบรรจุข้าราชการทดแทน 5 เดือนด้วย สพฐ.จึงไม่จำเป็นต้องเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อใช้เงินเหลือจ่ายของ สพฐ.อีก
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อไปว่า ผู้ที่เข้าร่วมโครงการฯ 12,865 ราย จำแนกเป็น ข้าราชการพลเรือน 46 ราย ในจำนวนดังกล่าวเป็น ผู้บริหารสำนักใน สพฐ. 2 ราย ได้แก่ น.ส.วิภา โอสถารมย์ ผอ.สำนักติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ นางจิตรียา ไชยศรีพรหม ผอ.สำนักทดสอบทางการศึกษา นอกจากนี้ เป็นข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา 12,819 ราย ในจำนวนดังกล่าว เป็น ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) 2 ราย ได้แก่ นายธงชัย ทุนคำ ผอ.สพท.เชียงใหม่ เขต 2 และ นายประจบ โพธิ์ปาน ผอ.สพท.ราชบุรี เขต 2 รองผอ.สพท. 47 ราย ผอ.สถานศึกษา 714 ราย รองผอ.สถานศึกษา 280 ราย และข้าราชการครู 11,337 ราย เป็นต้น โดยใช้งบฯ สำหรับจ่ายเป็นเงินขวัญถุงทั้งสิ้น 5,487,901,950 บาท
ด้าน นายกมล ศิริบรรณ ผอ.สำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ สพฐ. กล่าวว่า จากการสอบถามข้าราชการที่เปลี่ยนใจถอนตัวออกจากโครงการนี้ ส่วนหนึ่งเห็นว่าขณะนี้รัฐบาลกำลังขึ้นเงินเดือนให้แก่ข้าราชการทุกประเภท รวมถึงข้าราชการครู ซึ่งหากรับราชการต่อก็จะทำให้มีเงินเดือนสูงขึ้น และจะมีเงินบำนาญเพิ่มมากขึ้น และอีกส่วนหนึ่งเกิดจากการเสียชีวิต.
ข่าว/ภาพ เดลินิวส์
ดร.ชิน ภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ประชุมผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้รับทราบความคืบหน้าการดำเนินมาตรการปรับปรุงอัตรากำลังของส่วนราชการ ในโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด หรือ เออร์ลี่รีไทร์ ประจำปีงบประมาณ 2554 โดย สพฐ.ได้รับอนุมัติโควตาผู้เข้าร่วมโครงการฯ จากคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) จำนวน 12,867 ราย ซึ่งเดิมมีผู้ยื่นความจำนง 13,025 ราย แต่ปรากฏว่า มีผู้ถอนเรื่องจำนวนหนึ่ง จึงเหลือผู้ประสงค์เข้าร่วมโครงการฯ ทั้งสิ้น 12,865 ราย ดังนั้น ทั้งหมดจะได้รับอนุมัติเข้าร่วมโครงการฯ อีกทั้ง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ก็มีงบฯ บุคลากรมาจ่ายเงินสิทธิประโยชน์ 8-15 เท่าของเงินเดือนเดือนสุดท้าย แก่ผู้เข้าร่วมโครงการฯ รวมถึงมีงบฯ เพียงพอสำหรับการบรรจุข้าราชการทดแทน 5 เดือนด้วย สพฐ.จึงไม่จำเป็นต้องเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อใช้เงินเหลือจ่ายของ สพฐ.อีก
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อไปว่า ผู้ที่เข้าร่วมโครงการฯ 12,865 ราย จำแนกเป็น ข้าราชการพลเรือน 46 ราย ในจำนวนดังกล่าวเป็น ผู้บริหารสำนักใน สพฐ. 2 ราย ได้แก่ น.ส.วิภา โอสถารมย์ ผอ.สำนักติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ นางจิตรียา ไชยศรีพรหม ผอ.สำนักทดสอบทางการศึกษา นอกจากนี้ เป็นข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา 12,819 ราย ในจำนวนดังกล่าว เป็น ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) 2 ราย ได้แก่ นายธงชัย ทุนคำ ผอ.สพท.เชียงใหม่ เขต 2 และ นายประจบ โพธิ์ปาน ผอ.สพท.ราชบุรี เขต 2 รองผอ.สพท. 47 ราย ผอ.สถานศึกษา 714 ราย รองผอ.สถานศึกษา 280 ราย และข้าราชการครู 11,337 ราย เป็นต้น โดยใช้งบฯ สำหรับจ่ายเป็นเงินขวัญถุงทั้งสิ้น 5,487,901,950 บาท
ด้าน นายกมล ศิริบรรณ ผอ.สำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ สพฐ. กล่าวว่า จากการสอบถามข้าราชการที่เปลี่ยนใจถอนตัวออกจากโครงการนี้ ส่วนหนึ่งเห็นว่าขณะนี้รัฐบาลกำลังขึ้นเงินเดือนให้แก่ข้าราชการทุกประเภท รวมถึงข้าราชการครู ซึ่งหากรับราชการต่อก็จะทำให้มีเงินเดือนสูงขึ้น และจะมีเงินบำนาญเพิ่มมากขึ้น และอีกส่วนหนึ่งเกิดจากการเสียชีวิต.
ข่าว/ภาพ เดลินิวส์
